ผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
เมื่อวันเวลาผ่านไปจากอายุ 18-30 ปี จะเป็นวัยที่สวยสดงดงามที่สุด จะมีการเปลี่ยนแปลงใบหน้าที่ดูอูมอิ่ม มีไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของใบหน้า ผิวหนังเต่งตึงเปล่งปลั่งสดใส กล้ามเนื้อกระชับ กระดูกใบหน้าโหนกแก้มเติบโตเต็มที่
เมื่ออายุย่าง 40 ปี เราจะพบว่าใบหน้าที่ดูอูมอิ่มก็จะเริ่มเหี่ยวย่น เนื่องจากไขมันที่ใบหน้าเริ่มสลายไปบางส่วน ผิวหนังที่เคยเปล่งปลั่งก็จะเริ่มหม่นหมองและแห้งกร้าน กล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย เห็นลายเส้นที่หน้าผากชัดเจน เห็นร่องจมูก มุมปากเริ่มตก มีรอยเหี่ยวย่นที่ปากและขากรรไกร
เมื่อย่างอายุ 50 ปี ใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นจะเป็นมากขึ้น เนื่องจากไขมันที่อยู่บนใบหน้าโดยเฉพาะที่โหนกแก้มได้สลายไปมากขึ้นทำให้โหนกแก้มยุบลง ผิวหนังบริเวณโหนกแก้มตกลงมาอยู่ที่บริเวณเหนือมุมปาก ผิวหนังบริเวณขากรรไกร คาง ใต้คาง มีรอยย่นเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันที่คอก็มีรอยย่นเกิดขึ้นด้วย อาจจะมีไขมันมาสะสมใต้คางทำให้เกิดมีเหนียงใต้คาง ปริมาณของเหนียงขึ้นกับอายุที่เพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบนใบหน้า ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 25 ปี จะมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของกระดูกและฟัน มีการขยายขนาดและเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้ใหญ่ ตามสัดส่วนของการเจริญเติบโต ขณะเดียวกัน ไขมันจะมีการสะสมที่แก้มเยอะขึ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้ามีการขยายขนาดเต็มที่ ผิวหนังบนใบหน้า จะมีอูมอิ่มและเต่งตึ่งเต็มที่ เนื่องจากไขมัน คอลลาเจน และน้ำใต้ผิวหนัง ที่มีปริมาณมากทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นดีที่สุด ดังนั้นใบหน้าที่มีอายุประมาณ 20-30 ปี จะเป็นใบหน้าที่สวยสดงดงามที่สุด
เมื่ออายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ที่ใบหน้าจะเริ่มเห็นริ้วรอยตามตำแหน่งต่างๆ บนใบหน้าเช่น เส้นที่หน้าผาก โหนกแก้มห้อยลง (ดังปรากฏในรูปที่แสดง) ไม่กระชับเหมือนแต่ก่อน มีร่องจมูกลึกขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ ใต้คาง กราม เริ่มมีไขมันสะสมเป็นลูกๆ โครงสร้างของกระดูกและฟันจะยุบลงเนื่องจากแคลเซียมที่เป็นองค์ประกอบหลักของกระดูกและฟันสลายไป ทำให้กรามเล็กลงฟันห่างขึ้น โครงสร้างของก้อนไขมันและคอลลาเจนบนใบหน้าจะยุบตัวลง เหลือน้อยลงทำให้ผิวหนังบนใบหน้าแห้งและหยาบกร้าน ความหยืดหยุ่นบนใบหน้าน้อยลง เส้นกล้ามเนื้อบนใบหน้ามีขนาดเล็กลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยตามตำแหน่งต่างๆ บนใบหน้า
เมื่ออายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป เริ่มจะยอมรับใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยได้ ต้องการจะมีการปรับเปลี่ยนรูปหน้า แก้ไขริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อและผิวหนังส่วนเกินตามตำแหน่งต่างๆ เช่น หน้าผาก ตาบน ตาล่าง โหนกแก้ม กราม และใต้คางที่หย่อนคล้อย
ให้ตึงกระชับขึ้น เก็บหนังส่วนเกินออก การผ่าตัดดึงหน้าจะช่วยให้รูปหน้ากลับมาดูดี มีใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยเดียวกัน 10-15 ปี
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
1. พบแพทย์ปรึกษาแพทย์ วางแผนการผ่าตัด
2. ตรวจสุขภาพร่างกาย ตรวจเลือด, CBC, Electrolyte HIV, EKG, ความดัน, เบาหวาน
3. งดยาแอสไพริน ก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันเลือดหยุดยาก
4. งดสูบหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ และหลังผ่าตัด 1-2 อาทิตย์ด้วย เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ผิวหนังไม่ดี จะทำให้แผลสมานกันได้ช้า
ตำแหน่งของแผลผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
จะอยู่บริเวณ เหนือไรผมด้านบน และอยู่หลังใบหูซึ่งจะมองไม่เห็น
ขั้นตอนการผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
1. ทำการผ่าตัดดึงหน้าภายใต้การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
2. ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณขมับเหนือหูในไรผม โค้งลงมาบริเวณหน้าหู แล้วอ้อมไปด้านหลังหู หลังจากนั้นเปิดเลาะแยกชั้นของผิวหนังออกจากชั้นของไขมันและกล้ามเนื้อ แล้วก็จะดึงชั้นของไขมัน ศัลยแทพย์จะเปิดเลาะไปในชั้นของ SMAS (Superficial Musculoponeurotic Stytem) แล้วก็เย็บยกกระชับทำให้กล้ามเนื้อที่ใบหน้ายกกระชับขึ้น
3. ดึงผิวหนังมาให้มาปิดแล้วตัดส่วนที่เกินออกแล้วเย็บปิดแผล
4. ศัลยแพทย์อาจจะเปิดแผลที่ใต้คาง ในกรณีที่ต้องดึงยกกระชับผิวหนังที่คอ
วิธีการผ่าตัดดึงหน้าที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการหย่อนคล้อยของแก้ม, คาง, และบริเวณคอซึ่งมักพบในคนอายุ 50- 60 ปีขึ้นไป แต่ก็อาจพบในคนที่มีอายุน้อยกว่าก็เป็นได้ ในบางรายมีไขมันสะสมในบริเวณแก้มและใต้คางก็จะใช้วิธีการดึงหน้าร่วมกับการดูดไขมันประกอบด้วย ผลของการผ่าตัดจะทำให้ คุณมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น ในการผ่าตัดดึงหน้า
เวลาที่ใช้ทำการผ่าตัดดึงหน้า ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ภายใต้การดมยาสลบ
การดูแลแผลหลังผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
1. นอนศีรษะสูง เป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อช่วยลดอาการบวม
2. งดกิจกรรม การออกกำลังกาย ทุกชนิด ที่จะทำให้กระทบกระเทือนแผล ประมาณ 2 อาทิตย์ และห้ามไม่ให้แผลถูกน้ำเป็นเวลา 2-3 วัน
3. สามารถสระผมเบา ๆ ได้ หลังจากการผ่าตัด 2-3 วัน
4. การตัดไหม 5 วัน หลังการผ่าตัดจะต้องตัดไหมส่วนที่อยู่หน้าหูและหลังใบหูก่อน และหลังผ่าตัด 10 วัน จึงจะตัดไหมส่วนที่เหลือที่อยู่บริเวณเหนือไรผมด้านบน ซึ่งผิวหนังบริเวณหนังศรีษะจะหนากว่าส่วนที่อยู่หน้าหู
ปัญหาแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
1. เลือดออก (Bleeding)
2. เลือดคั่ง (Haematoma)
3. อาการชา (Numb) ทีมแพทย์จะต้องใช้วิธีการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพและระมัดระวังสูง เพราะใบหน้าของคนไข้จะมีเส้นประสาทที่สำคัญๆ อยู่หลายเส้น ถ้าทำด้วยความไม่ระมัดระวังจะก่อให้เกิดปัญหาเส้นประสาทขาดได้ 4. แผลเป็น (Scar)